วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


                            กล้วยน้ำว้า



กล้วยน้ำว้า ถึงจะเป็นผลไม้ ที่ไม่น่าจะให้พลังงานได้เยอะ แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยเป็นแหล่งพลังงานสำรองชั้นดี ในกล้วย 1 ผล สามารถให้พลังงานได้ร่วม 100 แคลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ทั้ง ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมไปถึงเส้นใยและกากอาหาร และอุดมด้วย วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แถมแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดันอีก
ในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้าให้แคลเวียมสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี 1 บี 2 ซี และไนอะซิน (บี 6) ในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้า มีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบด เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรานั่นเอง
สรรพคุณของกล้วยน้ำว้าช่วยป้องกันโรค
1.กล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ รับประทานวันละ 5 - 6 ผล จะช่วยให้อาการคะคายเคืองลดน้อยลง
2. กล้วยน้ำว้า ยังช่วยระงับกลิ่นปากได้ วิธีการก็คือ รับประทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที แล้วค่อยแปรงฟัน จะช่วยลดกลิ่นปากได้มาก
3..กล้วยน้ำว้ายังสามารถรักษาโรคกระเพาะ เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้
4.กล้วยน้ำว้า แก้ท้องผูก ก็สามารถแก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้
จะเห็นได้ว่ากล้วยน้ำว่ามีประโยชน์มากมาย กล้วยน้ำว้าหารับประทานได้ไม่ยาก ราคาของกล้วยน้ำว้า ก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับผลไม้อื่น หากได้รับประทานกล้วยน้ำว้า เพียงวันละ ลูก ก็จะทำให้เราห่างไกลหมอได้พอสมควร หากได้รับประทานกล้วยน้ำว้า เพียงวันละ 5-6 ลูก ก็จะทำให้เราห่างไกลหมอได้พอสมควร
เกร็ดความรู้ นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้า ยังมีแคลเซียมสูงและดูดซึมได้เร็ว 5-6 เท่า เมื่อถูกความร้อนโ ดยเฉพาะ กล้วยบวชชีและกล้วยปิ้ง

คำศัพท์

 
1waterว๊อเทอะน้ำ



2motherมั๊ธเดอะแม่

3manแมนผู้ชาย


4whereแวที่ไหน


5weวีพวกเรา




6wayเวทาง

7stopสต็อพหยุด


8saidเซดพูด





  9
fatherฟ๊าเดอะพ่อ







10loveลัฝรัก






วิถีการทำสัมตำ











วิถีการทำ
                                       
ส้มตำ ถือเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของคนไทย นิยมมากขนาดติด 1 ใน 10 อาหารไทยยอดนิยมที่ชาวต่างชาติและคนไทยชอบรับประทาน และยังดังไปถึงระดับโลกด้วยการติดอันดับที่ 46 จากการสำรวจข้อมูลของเว็บไซต์ cnngo.com ที่จัดอันดับสุดยอดอาหาร 50 เมนูทั่วโลกในปี 2011 เมนูชื่อส้มตำแต่ส่วนผสมหลักมาจากมะละกอดิบ รสชาติปรับได้ตามใจผู้บริโภค ชอบรสเผ็ดใส่พริกเพิ่ม ชอบรสเปรี้ยวใส่มะนาวเพิ่ม เป็นเมนูสุขภาพและเหมาะสำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนัก เสริฟส้มตำพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว



* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
* มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)
* กุ้งแห้ง 1/3 ถ้วยตวง
* ถั่วลิสง 1/4 ถ้วยตวง
* พริกขี้หนู 10 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความต้องการ)
* กระเทียมสด 5 กลีบ

 เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
* แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
* ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
   (ถ้าไม่มีสามารถใช้น้ำตาลทรายแทนได้)






























   วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ใส่กระเทียมและพริกลงในครก ใช้สากตำพอแหลก จึงใส่กุ้งแห้งและตำต่อไปอีกสักพัก
2. ใส่น้ำตาลปี๊บ ตำต่อจนน้ำตาลละลาย จึงใส่มะละกอฝอย, แครอทฝอย, ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, ถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว จากนั้นจึงตำต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเคล้ากันทั่ว
















วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

                                               
                           โรงเรียนี่ชอบ   สระบุรีวิทยาคม

โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) (สังกัดเดิมคือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่บริเวณถนนพหลโยธิน ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา และเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดสระบุรี โดยมี ดร.วัฒพงศ์ เสมา เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านทีมกีฬาวอลเลย์บอล ที่ได้รับการก่อตั้งและฝึกสอนโดยอาจารย์วิเชียร ศรีโมรา


โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม (โรงเรียนสหายชาย) ก่อตั้งโดยพระปลัดบุญ เจ้าอาวาสวัดศาลาแดงเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2445 โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนวัดศาลาแดง และใช้ศาลาการเปรียญหลังเก่าของวัดศาลาแดงเป็นสถานที่เรียน เปิดสอนในระดับชั้นมูลศึกษาถึงระดับชั้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งพระปลัดบุญได้ทำหน้าที่เป็นครูใหญ่โรงเรียนวัดศาลาแดงควบคู่กับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศาลาแดงไปด้วย
ในปี พ.ศ. 2456 โรงเรียนวัดศาลาแดงได้ย้ายที่ตั้งไปยังวัดศรีบุรีรัตนาราม (วัดปากเพรียว) และได้รับเงินบริจาคจากประชาชนในการสร้างอาคารเรียน 1 หลัง และเปลี่ยนชื่อโรงเรียนตามสถานที่ตั้งว่า โรงเรียนวัดปากเพรียว ซึ่งต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้ยกฐานะโรงเรียนปากเพรียวเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดและเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนสหายชาย และแยกนักเรียนหญิงออกไปตั้งเป็น โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสระบุรี ซึ่งต่อมาคือ โรงเรียนสหายหญิง[1]
ในปี พ.ศ. 2481 โรงเรียนสระบุรีได้ย้ายสถานที่ตั้งซึ่งมีความคับแคบไปยังสถานที่แห่งใหม่ (ปัจจุบันคือที่ตั้งของวิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี) ทำการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาและขยายถึงระดับชั้นเตรียมอุดมศึกษา ต่อมาโรงเรียนได้รับการบริจาคที่ดินแห่งใหม่โดยมีพลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสารเป็นผู้ติดต่อทำให้มีดินเพิ่มเติมจากกรมการศาสนารวม 31 ไร่ 94 ตารางวา และได้รับการก่อสร้างอาคารเรียนจากกรมการศาสนาเป็นตึกสองชั้นหลังคาทรงไทยจำนวน 32 ห้องเรียน(เป็นอาคารเรียนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แต่ต่อมามีการทุบออกบางส่วนเพื่อสร้างอาคารเรียนใหม่ทำให้เหลือเพียงด้านขวาในปัจจุบัน) ซึ่งโรงเรียนสระบุรีได้ย้ายสถานที่ไปยังที่ดินบริจาคเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 
วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2515 กระทรวงศึกษาธิการได้รวมโรงเรียนสระบุรีเข้ากับโรงเรียนสหายหญิง และใช้ชื่อว่า โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม โดยจัดการเรียนการสอนแบบสหศึกษา





                                                           ประวัติโรงเรียนมวกเหล็กวิทยา

โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) ได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษาให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันมีนายวัชรินทร์ มัสเจริญเป็นผู้อำนวยการ






ในระยะแรกอาศัยอาคารเรียนของโรงเรียนวัดมวกเหล็กนอก (ราษฎร์พัฒนา) มีนักเรียน 46 คน และครู 6 คน มีนายทวี จันทวร เป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียน ต่อมาได้ย้ายมาตังในที่ดินราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีเนื้อที่ 41 ไร่ 0 งาน 13 ตารางวา มีอาคารเรียน 1 หลังเป็นแบบ 216 ล ซึ่งเป็น อาคาร 1 ในปัจจุบัน ปีการศึกษา 2521 มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่ และจำนวนนักเรียนชั้น ม.1 เพิ่มมากขึ้น จึงได้สร้างอาคารเรียนชั่วคราว 1 หลัง [1]
ปีการศึกษา 2522 ได้รับงบประมาณสร้างหอประชุม 1 หลังอาคารโรงฝึกงาน 3 หลัง จำนวน 6 หน่วยอาคารพยาบาลและสหกรณ์จำนวน 1 หลัง
ปีการศึกษา 2527 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีแผนการเรียน 2 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนเกษตรกรรม




ปีการศุกษา 2528 ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ราชพัสดุในการดูแลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อสค)เพื่อสร้างสนามกีฬา จำนวน 7 ไร่ 0 งาน 05 ตารางวา
ปีการศึกษา 2531 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการนำร่อง "การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษา พุทธศักราช 2524 เพื่อประกอบอาชีพอิสระ"ของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนจึงได้เปิดผนการเรียนอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นอีก 1 แผนการเรียน และในปีนี้โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตรประจำปีการศึกษา 2532 โรงเรียนได้จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็น 6-5-5 และในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็น 3-2-2 รวมจำนวนห้องเรียน 23 ห้อง
ปีการศึกษา 2533 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร มีนักเรียน 802 คน ครู-อาจารย์ 47 คน จำนวนห้องเรียน 23 ห้อง นักการภารโรง 5 คน และพนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ"หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน"
ปีการศึกษา 2555 มีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 68 คน ครูอัตราจ้าง 8 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,600 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2556 ปัจจุบันมีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 63 คน ครูอัตราจ้าง 12 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,589 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน


  • ปรัชญาโรงเรียน : สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา บูชาคุณธรรม นำชุมชน
  • สีประจำโรงเรียน : สีเลือดหมู และสีเหลือง
  • ตราประจำโรงเรียน : ตราประจำโรงเรียนมีสัญลักษณ์และความหมาย ดังนี้
    • ดวงเทียน : ครูผู้ให้ความรู้แก่นักเรียน
    • รัศมี : แสงสว่างนำทางนักเรียนและชุมชน
    • ธมฺมจารี สุขํ เสติ : ความหมาย ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นสุข
    • ภูเขา ท้องฟ้า เมฆ : ธรรมชาติที่รอบล้อมโรงเรียน
    • ต้นกล้า : นักเรียนทุกคนที่กำลังเติบโตเป็นอนาคตของชาติ
  • ต้นไม้ประจำโรงเรียน : ต้นประดู่แดง
  • เพลงประจำโรงเรียน : มาร์ชม.ว.[2]
 
                                                                                                 อาคารอดิเรกสาร(อาคาร 3) โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา








สมุนไพร

                                                                     สมุนไพร


ลำต้นของขิง ขิงเป็นพืชล้มลุกมีลำต้นใต้ดินเรียกว่า เหง้า  จะมีลักษณะคล้ายมือ   เปลือกเหง้ามีสีเหลืองอ่อน แต่เนื้อภายในมีสีเหลืองอมเขียว ขิงจัดเป็นพืชจำพวกเดียวกันกับข่า ขมิ้น จะเห็นได้จากสำนวนไทยที่ว่า ขิงก็รา ข่าก็แรงของมันมาคู่กันจริงๆครับ ขิงอ่อนมีสีขาวออกเหลือง มีรสเผ็ดและกลิ่นหอม แต่ยิ่งแก่ยิ่งมีรสเผ็ดร้อน(ขิงแก่จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ใช้เรียกคนที่มีอายุแต่ยิ่งเก่งยิ่งมากด้วยประสบการณ์) ลำต้นบนดินมีลักษณะเป็นกอสูงประมาณ 90 เซนติเมตร
ใบของขิง  ใบเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับเรียงกันเป็นสองแถว มีรูปร่างคล้ายใบไผ่ ปลายใบเรียวแหลม
ดอกของขิง ดอกมีสีขาวออกเป็นช่อบนยอดที่แยกออกมาจากลำต้นซึ่งไม่มีใบที่ก้านดอก ดอกมีลักษณะเป็นทรงพุ่มปลายดอกแหลม มีเกล็ดอยู่รอบๆดอกจะแซมออกมาตามเกล็ด ผลมีลักษณะกลมแข็ง